โดยประกอบกำลังด้วย กองบังคับการกองผสม โดยมี พันเอก ชิษณุชา กาญจนอัครเดช ผู้บังคับกองพันส่งกำลังและบริการที่ 2 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 เป็นผู้บังคับกองผสม และ 5 กองพันสวนสนาม 1 กองร้อยวิ่งสนาม ประกอบด้วย
กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3,
กองพันทหารม้าที่ 8 กองพลทหารราบที่ 3,
กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 23 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 6,
กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2,
กองพันทหารสื่อสารที่ 3 กองพลทหารราบที่ 3 และ
กองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 2
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวแสดงมุทิตาจิตต่อผู้ที่เกษียณอายุราชการว่า “การปฏิบัติหน้าที่ราชการจนครบถ้วนสมบูรณ์ในวันนี้ ทุกท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับกองทัพภาคที่ 2 กองทัพบก และประเทศชาตินานัปการ ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นทหารที่มีความเสียสละ กล้าหาญ ดำรงตนอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี สมกับการเป็นทหารหาญของชาติ ที่ได้ทำหน้าที่อันมีเกียรติสูงยิ่ง เพื่อรักษาเอกราช อธิปไตยของชาติ เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ และปกป้องช่วยเหลือประชาชน ทำให้กองทัพมีความเข้มแข็ง สามารถยืนหยัดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์และภัยคุกคามต่างๆ ได้อย่างสง่างาม และได้รับความเชื่อถือในฐานะสถาบันหลักด้านความมั่นคงที่พร้อมอยู่เคียงข้างประเทศชาติและประชาชนในทุกโอกาส คุณูปการที่ท่านได้สร้างสมไว้ตลอดระยะเวลารับราชการ แสดงออกถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ของกองทัพบก เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและจะเป็นแบบอย่างของกำลังพลในกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพบกต่อไป”
การประกอบพิธีเทิดเกียรติ และอำลาชีวิตราชการทหาร ของกองทัพภาคที่ 2 นั้น ได้กระทำเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อตอบแทนคุณความดีเชิดชูเกียรติ เป็นขวัญกำลังใจ ให้แก่ข้าราชการของกองทัพภาคที่ 2 และที่เคยรับราชการในกองทัพภาคที่ 2 ที่รับราชการ รับใช้ประเทศชาติมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร ซื่อสัตย์ สุจริต ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ เพื่อเสริมสร้างกองทัพจนเกิดผลดีแก่ทางราชการ ทำให้เกิดความมั่นคง ความสงบสุขแก่ประเทศชาติ และประชาชน จนกระทั่งครบเกษียณอายุราชการในปีงบประมาณ 2565